ร่วมสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อนำสันติสุขกลับคืนให้กับพี่น้องและพื้นที่ 3 จชต.

วันนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความบอบซ้ำถึง 11 ปี ทำให้ประชาชนเสียโอกาสการพัฒนาในทุกด้านมายาวนาน ต้องการคนมาช่วยในการแก้ปัญหาสร้างความปรองดองให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว ผบช.ศชต. ได้เดินทางไปพบและพูดคุยกับนายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ซึ่งได้รับการพักโทษ และปล่อยตัวเป็นอิสรภาพเมื่อวันที่ 18 ก.ค.58 และเดินทางไปพบพูดคุยกับ นายหะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ที่เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ลดโทษคงเหลือจำคุก 28 ปี เพื่อเยี่ยมและพูดคุยสนับสนุนให้มีการพักโทษหรือปล่อยตัวให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติสุขกับครอบครัว เพราะถูกจำคุกมาแล้ว 17 ปีได้รับความลำบากความทุกข์มาพอสมควร

วันนี้นายหะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ อยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อช่วยเหลือบ้านเมือง และร่วมสร้างความปรองดองเพื่อลดความรุนแรงต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งก็ตรงกับแนวทางของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ทุกคนช่วยกันดูแลประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความสุข ให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว ประกอบกับบุคคลทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอปะนาเระ  เป็นพื้นที่วิกฤติมีความขัดแย้งทางความคิดและมีการก่อเหตุรุนแรงค่อนข้างสูง การอาสาเข้ามาช่วยเหลือทางราชการของบุคคลดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญเพื่อทำให้สถานการณ์ความรุนแรงเบาบางและซาลง สันติสุขและสิ่งสวยงามจะกลับคืนสู่พี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป

พบกันประจำวันที่ 17 เม.ย.58

ขอความสันติสุขจงมีแด่พี่น้อง

          วันนี้ ขอขอบคุณ บาบอแวดือราแม  มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี และประธานเครือข่ายคณะกรรมการอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ออกมาแสดงความห่วงใย ชี้แจงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อลดความสับสนให้กับพี่น้องประชาชนได้เข้าใจ รวมทั้งการแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์กรณีคนร้ายยิงราษฎรไทยพุทธ และยืนยันว่าการใช้ความรุนแรง ไม่ใช่หลักการของศาสนาอิสลาม เป็นการนำหลักศาสนามาบิดเบือนสร้างความชอบธรรมในแนวทางที่ผิด ซึ่งในขณะนี้ประชาชนปฏิเสธความรุนแรง

 ต้องขอขอบคุณในคุณงามความดีและจิตใจที่มุ่งมั่น สร้างสันติสุข ความเมตตา ให้บังเกิดกับพี่น้องของเรา อันเป็นความสวยงามของ  3  จชต.

พล.ต.ท.อนุรุต   กฤษณะการะเกตุ

             ผบช.ศชต.

พบกันประจำวันที่ 2 เม.ย.58

ขอบคุณพี่น้องกลุ่มผู้มีความคิดเห็นต่าง ที่ได้สะท้อนปัญหาจากกรณีถูก จนท.รัฐกระทำ ได้รับผลกระทบต่อครอบครัว เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ ซึ่งไม่ใช่ทางออกของปัญหา และการนำระเบิดแสวงเครื่องมาวางในพื้นที่อำเภอเมืองปัตตานี ในเวลากลางคืน เกิดระเบิดขึ้นมีทรัพย์สินได้รับความเสียหายแต่ไม่มีพี่น้องประชาชนของพวกเราได้รับบาดเจ็บ  ต้องขอเรียนตามความเป็นจริงว่าตำรวจเข้าใจ เห็นใจ ความรู้สึกของพี่น้องที่ออกมาแสดงออกในมติต่างๆ ซึ่งพวกเรารับได้ วันนี้พี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับผลกระทบจากเหตุความรุนแรงทั้งหมด เราต่างยอมรับว่ามีพี่น้องจากนอกพื้นที่เฝ้ามอง เฝ้าติดตามสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ  หมดเวลาแล้วที่จะมาโจมตีกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าฝ่ายไหนดี     ฝ่ายไหนไม่ดี ซึ่งชีวิตของพี่น้องประชาชนต้องมาก่อน อยากให้พี่น้องมีความเชื่อมั่นต่อสังคมสิ่งดีงาม และความสวยงามของสังคมพี่น้องมุสลิมเรา  ร่วมทั้งความปรารถนาดีจากรัฐ ที่จะเข้ามาเยียวยา ดูแล เป็นกำลังใจ จากสิ่งร้ายให้กลายเป็นสิ่งที่ดีงาม สรุปมาเป็นบทเรียนที่ยับยั้งจิตใจไม่ให้มีเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นอีก เพราะจะมีทรัพยากรหลายทางที่จะหลั่งไหลลงมาพัฒนาบ้านของเราที่นี่ จะได้ไม่สะดุดหยุดยั้ง เพราะการพัฒนามากับคน หากคนเกิดความกลัวก็จะส่งผลติดขัดไปหมด

            ขอกลุ่มพี่น้องผู้คิดเห็นต่าง เห็นใจ เชื่อใจ พวกเรา และขอโอกาสให้พวกเราได้ทำงาน และนำสิ่งดีๆ มาร่วมกับพี่น้อง ในการทำชุมชนวันนี้ให้สวยงาม พี่น้องมุสลิมต้องอยู่อย่างมีความสุข สุดท้ายนี้ ขอสันติสุขความเมตา จงบังเกิดแก่พี่น้องโดยทั่วกัน

                                                                 พล.ต.ท.อนุรุต  กฤษณะการะเกตุ